วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ


แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษ
แดนปราสาทขอม       หอมกระเทียมดี
มีสวนสมเด็จ          เขตดงลำดวน
หลากล้วนวัฒนธรรม    เลิศล้ำสามัคคี
          ศรีสะเกษ เดิมเรียกว่า เมืองขุขันธ์ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเมืองมาแต่สมัยขอม ปรากฏหลายแห่งเล่ากันว่า เมืองขุขันธ์เดิม เรียกว่า ศรีนครลำดวน ตั้งอยู่ที่บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน ตำบลลำดวนใหญ่ กิ่งอำเภอวังหิน ในปัจจุบัน ถูกยกขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. 2302 สมัยกรุงศรีอยุธยา มีหลวงแก้วสุวรรณ ซึ่งได้รับบรรดาศักดิ์เป็น พระไกรภักดี เป็นเจ้าเมืององค์แรก
          ล่วงถึงรัชสมัยรัชการที่ 5 ได้ย้ายเมืองขุขันธ์ มาอยู่ที่เมืองศรีสะเกษ (ที่บ้านเก่า ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมืองในปัจจุบัน) แต่ยังคงใช้ชื่อว่า เมืองขุขันธ์ จนถึง พ.ศ. 2481 จึงเปลี่ยนเป็นจังหวัดศรีสะเกษตั้งแต่นั้นมา
การเดินทาง
          ทางรถยนต์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรี จึงเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) เข้าเส้นทางโชคชัย-เดชอุดม (ทางหลวงหมายเลข 24 ) ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 220 เข้าตัวเมืองศรีสะเกษ รวมระยะทางประมาณ 571 กิโลเมตร
          รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ มีรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ โทร. 02-9363660, 02-9360657
          รถไฟ จากสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) มีรถธรรมดา, รถเร็ว และรถด่วน สายกรุงเทพฯ-ศรีสะเกษ ระยะทาง 515 กิโลเมตร
          นอกจากนั้น ยังมีรถโดยสารจากตัวอำเภอเมืองศรีสะเกษ ไปยังอำเภอต่างๆ ทุกอำเภอ และจังหวัดใกล้เคียงด้วย การเดินทางในตัวเมือง มีรถสามล้อรับจ้างอยู่ทั่วไป 
 
1. ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่

          ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่ ตั้ง อยู่ทีวัดสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย ริมทางหลวงหมายเลข 226 ห่างจากจังหวัด 26 กม. ห่างจากตัวอำเภอ 2 กม. เป็นปราสาทขอมขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัด มีลักษณะเป็นปรางค์ 3 องค์ บนฐานเดียวกันในแนวทางทิศเหนือใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปรางค์องค์กลางคือ ปรางค์ประธาน ก่อด้วยหินทรายมีอิฐแซมบางส่วน ปรางค์อีก 2 องค์ เป็นปรางค์อิฐ มีส่วนประกอบตกแต่งที่เป็นหินทราย เช่น ทับหลัง กรอบหน้าบัน และกรอบเสาประตู ด้านหลังปรางค์องค์ทิศใต้ มีปรางค์ก่ออิฐ 1 องค์ ด้านหน้ามีวิหารก่ออิฐ 2 หลัง ล้อมรอบด้วยระเบียงคด ก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย มีโคปุระหรือประตูซุ้มทั้งสี่ทิศ ที่ปรางค์ประธานมีทับหลังจำหลัก ภาพพระอินทร์ทรงช้างบนแท่นเหนือหน้ากาล ส่วนที่วิหารก่ออิฐซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือ มีทับหลังสลักภาพพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ อยู่เหนือพระยาอนันตนาคราช ท่ามกลางเกษียรสมุทร และที่วิหารก่ออิฐ ทางด้านทิศใต้มีทับหลังรูปพระอิศวรกับพระอุมา ประทับนั่งเหนือโคนนทิ ปัจจุบัน ปราสาทแห่งนี้ อยู่ในความดูแลของกองโบราณคดี กรมศิลปากร และได้มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุจำนวนมาก เช่น ทับหลังจำหลักภาพศิวะนาฏราช, พระกฤษณะยกเขาโควรรธนะ และยังพบพระพุทธรูปนาคปรก พระพุทธรูปปางสมาธิ พระพิมพ์ดินเผา ฯลฯ
          จากหลักฐานลวดลายที่ปรากฎบนหน้าบัน ทับหลัง และโบราณวัตถุต่างๆ โดยเฉพาะจารึกที่หลืบประตูปราสาทสระกำแพงใหญ่ สรุปได้ว่า ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ตรงกับศิลปะขอมแบบปาปวน เพื่อเป็ นเทวาลัยถวายแด่พระศิวะ และเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นวัดในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน

2. ปราสาทห้วยทับทัน (ปราสาทบ้านปราสาท)

          ปราสาทห้วยทับทัน (ปราสาทบ้านปราสาท) ตั้งอยู่ที่วัดปราสาทพนาราม บ้านปราสาท อำเภอห้วยทับทัน การเดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ ตามทางหลวงสาย 226 ประมาณ 39 กิโลเมตร ถึงอำเภอห้วยทับทันแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางลูกรังอีก 8 กม. 
          ปราสาทห้วยทับทัน เป็นโบราณสถานแบบขอมแห่งหนี่งที่ถูกดัดแปลงในสมัยหลัง ต่อมาเช่นเดียวกับปราสาทศรีขรภูมิจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะส่วนหลังคา ซึ่งคล้ายคลึงกันมาก แต่มีขนาดสูงกว่า ประกอบด้วยปรางค์อิฐ 3 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกันในแนวเหนือ-ใต้ มีกำแพงล้อมรอบพร้อมซุ้มประตู สันนิษฐานว่า เดิมมี 3 หรือ 4 ทิศ ปัจจุบันคงเหลือเพียงด้านทิศใต้เท่านั้น ก่อด้วยศิลาแลง 
          ปรางค์องค์กลาง ขนาดใหญ่กว่าปรางค์อีก 2 องค์ ที่ขนาบข้างเล็กน้อย แต่ส่วนหลังคาเตี้ยกว่า ยังเป็นรูปเหลี่ยมจัตุรัส ย่อมุมไม้สิบสอง มีประตูเดียวด้านหน้า ทางทิศตะวันออกยังคงมีกรอบประตูหินทราย และทับหลังติดอยู่ เป็นภาพบุคคลยืนอยู่เหนือหน้ากาล ส่วนท่อนพวงมาลัย มีลายมาแบ่งที่เี้สยวภาพบุคคลยืนในคุ้มเรือนแก้ว ไม่อาจสันนิษฐานว่าเป็นผู้ใด ด้วยลายสลักยังไม่แล้วเสร็จ
          ปรางค์สององค์ ที่ขนาบข้างขนาดเดียวกัน ได้รับการดัดแปลงรูปแบบไปมาก โดยเฉพาะส่วนหลังคาและประตู ซึ่งก่อทึบหมดทุกด้าน ยังคงปรากฏกรอบประตูหินทรายและชิ้นส่วนทับหลัง สลักภาพการกวนเกษียรสมุทร ตกอยู่หน้าประตูปรางค์องค์ที่อยู่ด้านทิศใต้
          จากลักษณะทางด้านศิลปกรรมของทับหลังที่ปรากฎ อาจสันนิษฐานได้ว่า ปราสาทแห่งนี้ มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ร่วมสมัยศิลปะขอมแบบคลัง-ปาปวนของเขมร และในสมัยหลังต่อมา ได้รับการดัดแปลงปราสาท

3. ปราสาทตำหนักไทร

          ปราสาทตำหนักไทร ตั้งอยู่บ้านตำหนักไทร ตำบลบักดอง  อำเภอขุนหาญ ริมทางหลวงหมายเลข 2127 (ขุนหาญ-บ้านสำโรงเกียรติ) ห่างจากอำเภอขุนหาญ 20 กม. ห่างจากตัวจังหวัด 81 กม.
          ปราสาทตำหนักไทร เป็นปราสาทอิฐหลังเดียวบนฐานศิลาทราย พื้นที่รอบๆ มีการปรับสภาพจนราบเรียบ ปราสาทก่อด้วยอิฐ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้าง - ยาว 4 เมตร ย่อมุมไม้สิบสอง มีประตูเข้าออกได้ด้านเดียว คือ ด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นด้านหน้า อีก 3 ด้าน เป็นประตูหลอกคือ สลักเป็นรูปบานประตูลงในเนื้ออิฐ เฉพาะด้านหน้ากรอบประตู เป็นศิลาทราย แต่เดิมเคยมีทับหลังเป็นภาพพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ มีพระฉายาลักษ์มีนั่งอยู่ที่ปลายพระบาท และมีพระพรหมผุดมาจากพระนาภีสองข้าง พระพรหมเป็นรูปฤาษีและบุคคลนั่งในซุ้มเรือนแก้ว ขนาบเสาประดับกรอบประตูรูปแปดเหลี่ยม ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ปราสาทตำหนักไทร เป็นเทวาลัยในศาสนาพราหมณ์ อายุราวพุทธตวรรษที่  16

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น